Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: What is suvanakhomkham ?
Anonymous

Date:
What is suvanakhomkham ?
Permalink   


I 've never learned or heard about suvanakhomkham in the textbook of Laos, have you guys learned suvanakhomkham during your high school or college. maybe i missed it, but i am quite good at history and geography.

What is suvanakhomkham ?


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Got no freaking clue. I thought they were talking about some lost city or something.

__________________


Veteran Member

Status: Offline
Posts: 41
Date:
Permalink   

What is suvanakhomkham ?

never heard of this name.  would you put any token on the table, is it the person or area name ? in what period of our history ?


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Suvannakhomkham is the lost city long befor the Lan-xang kingdom.I heard about this lost city long time ago on Thai Tv can't remember what program and what chanel. 

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

It is an ancient city in Bokeo province. The city existed before the founding of Lan Xang kingdom, and flourished until the Burmese burned it in the mid-late 16th century.

It contained dozens of temples, reservoirs, stupas and etc. Most of them were built during Chao Saisethathilat's reign. 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

LAOS2005-10-06+11-13-50+0635.JPG



__________________
Thip..

Date:
Permalink   

Souvannakhomkham was a king dom before Lanxang, but more than that it was the kingdom that almost forget from the world of heritage. Sucannakhomkham was the kingdom of two side between the Meking river. If anyone could have a chance to go Laos and go to Borkeo province, then go to Souvannakhom kham (they must call the new name on that place because of the time have change) we will see some history around there such as the old temple in the Meking river back, some stupa and some budhha that almost destroy by the time and the river. I never have a chance to go there too. But i used to read and saw all the picture in the book that i read since i was young (i don't remember the name of the writer, but that book named on the front was SUVANNAKHOMKHAM).
And that book was explain about Suvannakhomkham had from two word such as:
1. SUVANNA came from the land of Suvannaphoum= the land of the life
2. KHOMKHAM came from the word of the Khom (the light with the paper that people made to pray for the god of river and the sky) the people of this land will used this khom made by paper and the light it, and pull it up to the sky at a night time. I don't know to explain in English, but i hope enyone could imagine it. And when they light it on the Khom will look like a Kham (gold) and gold colour it was mean the colour of the god or buddha on that time.
Therefore, SUVANNAKHOMKHAM it was mean the land of the Tevada...

Thanks.

P.S: I got this information from the book that i read before, i still remember this infor because i always dream that i would like to go to that place some day, although i don't remember who gave this infor on this book.


__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

LAOS2005-10-06+11-13-50+0635.JPG

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

http://www.discoverylaos.com/index.php?option=suwan-khom-kham

 ไม่ว่าท่านจะเป็นนักค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือ เป็นนักศึกษาศาสตร์ หาความรู้ก็ดี ไม่ว่าท่านจะเป็นนักขีดนักเขียน นักข่าวที่อยากมีหัวข้อเขียนพิสดารและจับใจ หรือ เป็นนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จะแสวงหาความรู้ ความตระการตาของทิวทัศน์ธรรมชาติ ความหลากหลายของสีสัน เผ่าพันธุ์ จารีตประเพณี หรือ แม้กระทั่งจะแสวงหาการผักผ่อน บำรุงร่างกายก็ดี หนึ่งในจำนวนสถานที่ ที่มีทั้งร่องรอยปูชนียสถานทางประวัติศาสตร์ มีทั้งความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ และธรรมชาติที่หายากนั้น นั่นก็คือ อดีตเมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งต่อมากลายมาเป็นนครเชียงลาว นครเงินยาง หรือ นครเชียงแสน (เก่า) อยู่บริเวณเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เขตหัวของ หรือ บริเวณที่เรียกว่าเขตสามเหลี่ยมทองคำทางฝั่งลาวเรานั่นเอง

         สถานที่ดังกล่าวนั้น ตั้งอยู่ในเขตที่เป็นอดีตเกาะเขินซึ่งได้หายสาบสูญไปแล้วภายหลังที่น้ำโขงได้เปลี่ยนทางเดินน้ำ คงยังเหลือแต่ร่องรอยอย่างหนึ่งของเมืองเป็นบึงโค้งยาวประมาณ 3 กิโลเมตร เรียกว่า หนองวังคำ

เมื่อพวกเราล่องเรือลงไปตามแม่น้ำโขงจากเมืองต้นผึ้งไปถึงท่าต่อง ซึ่งอยู่คนละฟากกับเมืองเชียงแสนใหม่ทางฝั่งไทยในปัจจุบัน หรือพวกเราไปทางบกทางตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร พวกเราก็จะถึงสถานที่ที่เป็นใจกลางของเมืองร้างดังกล่าว คือ เขตบ้านดอนทาด และ บ้านร่มเย็น ซึ่งจะมีพระพุทธรูปปางสมาธิองค์มหึมาตั้งอยู่ที่นั่น

      ที่ตั้งของเมืองต้นผึ้ง หรือ เมืองสุวรรณโคมคำร้างนั้นยังเป็นสุดเขตตะวันตกของประเทศลาว คือ ห่างจากเมืองห้วยทรายไปทางทิศตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตรทางอากาศ หรือ ทางน้ำ 60 กิโลเมตร และห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 375 กิโลเมตรทางอากาศ

       เป็นโบราณสถานบรรจุร่องรอยทางประวัติศาสตร์แห่งโบราณนครเก่าแก่ เรียกว่า “นครสุวรรณโคมคำ” ซึ่งต่อมากลายมาเป็น นาคะนคร หรือ นครเชียงลาว นครเงินยวง (เงินยาง) หิรัญนคร แล้วก็ นครเชียงแสน (เก่า) จากการสำรวจเบื้องต้นในสถานที่ประมาณ 10,000 เฮคเตอร์ พบว่า มี โบราณสถาน 44 แห่ง และ สร้างโดยการก่ออิฐถือปูน ได้แก่ พระอุโบสถ พระธาตุ พระพุทธรูป บ่อน้ำ และ สถานที่อื่น ๆ สิ่งที่ยังคงความงดงาม และ ความสง่าตระการที่ยังเหลือให้เห็น รอดพ้นจากฝีโจรปล้นสมบัติทั้งลาวและไทยสมัยก่อน ก็ได้แก่ พระพุทธรูปปางสมาธิ สร้างโดยการก่ออิฐถือปูน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งมีความกว้างหน้าตัก 7.10 เมตร ความสูง 7.22 เมตร (ไม่รวมยอดเกศ) บ่าแต่ละข้าง 1.10 เมตร ด้านข้างตั้งแต่สะโพกถึงเข่า 3.60 เมตร นับว่าพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศลาว และ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากขนาดของพระพุทธรูปองค์นี้ ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่า พระพุทธรูปองค์นี้คือพระพุทธรูปประจำวัดของพระราชวัง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันคงเหลือแต่ร่างองค์พระพุทธรูป ส่วนพระหัตถ์ พระเกศ พระนาภี และ ฐานพระ ถูกโจรขุดเจาะเอาของมีค่าไปหมด

         นอกจากพระพุทธรูปองค์นี้แล้ว ยังมีอีกองค์ที่ใหญ่เกือบเท่ากัน แต่พังทลายไปเนื่องจากการกัดเซาะของน้ำ นั่นก็คือพระล้านตื้อ หรือ พระรัศมีทองสำริด ที่จมอยู่ใต้แม่น้ำโขงที่ดอนแห้งของฝั่งลาว ยังคงเหลือแต่พระเจดีย์หลายองค์ให้เห็น แต่น่าเสียดายที่ถูกทำลายจากการขุดเจาะเพื่อเอาของมีค่า ยังคงเหลือบางองค์เท่านั้นที่ตั้งเด่นให้เห็น

       ปูชนียสถานที่ยังคงหลงเหลืออยู่นี้ สามารถสันนิษฐานได้ว่า ส่วนใหญ่ มาจากยุคของนครเชียงแสน ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งพระองค์ได้ทรงรับสั่งให้สถาปนาบูรณะให้เป็นนครที่สวยสดงดงามบนสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยมีศูนย์กลางของเมืองอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ซึ่งคือที่เมืองต้นผึ้งนั่นเอง นครดังกล่าวถูกทำลายจากการรุกรานของกองทัพพม่า ในรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนั้นเช่นกัน อันเป็นสาเหตุให้ดินแดนล้านนาถูกยึด และถูกแยกออกจากดินแดนล้านช้างในเวลาต่อมา ต่อจากแนวเขาเล็กๆ ตั้งทางด้านตะวันตกของนครร้างที่ทอดยาวจากทางเหนือไปทางใต้นั้น สังเกตเห็นมีคูเมือง ลึกและกว้างประมาณ 10 กว้างเมตร ทอดยาวจนถึงฝั่งแม่น้ำโขง มีคันคูสูงเลียบทางฝั่งตะวันออกของคูเมือง ซึ่งก็คือทางตะวันตกของตัวนครนั่นเอง จึงเข้าใจได้ว่า นั่นเป็นแนวคูสู้รบและกำแพงป้องกันกองทัพของข้าศึก

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

icon_04.gifประวัติความเป็นมาของเมืองสุวรรณโคมคำ กว่าจะมาถึงนครเชียงแสน

      ตำนานของนครโยนก ก็คือตำนานลี่ผีของเจ้าคำหมั้นวงกดรัตนะได้กล่าวไว้ มีข้อความดังนี้ :
พระเจ้าสิริวงสา กษัตริย์ของนครโพธิสารหลวง (นครโคตปูระ หรือ โคตบูร หรือ สีโคตรตะบอง เขตเมืองท่าแขกในปัจจุบัน) มีพระราชบุตร 2 พระองค์ องค์แรกมีพระนามว่า อินทรวงศา และ องค์น้องพระนามว่า ไอยกุมาร เมื่อพระบิดาสวรรคต ราชโอรสองค์โตก็ขึ้นครองราชย์สมบัติ และองค์รองเป็นมหาอุปราช พระยาอินรวงศามีพระโอรส ทรงพระนามว่า พระยาอินทปฐม และพระยาไอยกุมารมีพระธิดา ทรงพระนามว่า นางอูรสา และ พระโอรส พระธิดาทั้งสองพระองค์ได้อภิเษกสมรสกัน ครั้นพระยาอินทรวงศาสวรรคต พระยาอินทปฐมกุมาร ก็ขึ้นครองราชย์สมบัติแทน

     เมื่อนั้น พระยาไอยกุมาร ผู้เป็นอาและเป็นพ่อตา ได้สละตำแหน่งมหาอุปราช แล้วพาบริวารเดินเรือกลับขึ้นตามแม่น้ำโขง เป็นเวลา 3 เดือน จึงถึงเกาะเขิน ซึ่งตั้งอยู่ด้านซ้ายปากแม่น้ำกก ทางทิศตะวันตก พระยาไอยกุมาร จึงตัดสินใจตั้งราชนครที่เกาะเขิน อันประกอบด้วยครัวเรือนเบื้องต้น 3,000 ครัวเรือน
      ขณะนั้นข่าวดีก็ได้มาถึงพระองค์ว่า ราชธิดาของพระองค์ได้ให้ประสูติพระโอรส ที่มีเดชานุภาพตั้งแต่ประสูติ และต่อมาก็เกิดอภินิหารขึ้นหลายอย่างในราชสำนักนครโคตรปูระ (โคตรบูร) อันเป็นสาเหตุให้เสนาอามาตย์ และ ไพร่ฟ้า กลัวว่าจะเกิดภัยพิบัติทำให้บ้านเมืองล่มจมได้

      เมื่อเสนาอามาตย์เอาความขึ้นทูลถวายพระบิดาผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์เลยทรงรับสั่งให้เอาพระมเหสีและราชบุตรใส่แพลอยน้ำ ครั้นเมื่อพระเจ้าไอยกุมารทรงทราบเรื่องนี้ ก็เสียพระทัยเป็นยิ่งนัก จึงได้ทรงรับสั่งให้ไพร่ฟ้าราษฎรทำการบวงสรวงจุดธูปเทียน โคมไฟ และ ประทีป บูชาพญานาค ให้สว่างทั่วแม่น้ำโขงเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนเพื่อขอให้พญานาคชูเอาเรือของพระธิดาและองค์กุมารน้อยไว้ไม่ไหลสู่ลงทะเล (ตามตำนานบอกว่า พญานาคได้สร้างลี่ผีขึ้น จึงปรากฏเป็นดอนขี้นาค เพื่อกั้นแม่น้ำโขง ทำให้แพองค์กุมารน้อยไหลขึ้นเหนือจนถึงเกาะเขิน) การที่บวงสรวงพญานาคโดยการจุดประทีป โคมไฟ ธูปเทียนบูชาไหลไปตามแม่น้ำโขงนี้เอง จึงก่อให้เกิดประเพณีการไหลเรือไฟของลาวครั้งแรก และ ปฏิบัติกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง ชุมชนใหม่ที่ตั้งขึ้นบนเกาะเขินนั้น จึงได้รับการขนานนามว่า เมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งได้มาจากพระนามขององค์กุมารน้อย ซึ่งมีพระนามว่า สุวรรณมุขทวาร และชื่อของพิธีจุดโคมบวงสรวงพญานาค ซึ่งเรียกว่า โคมคำ

        เมืองสุวรรณโคมคำนั้น ตั้งขึ้นในสมัยใด และเชื้อกษัตริย์เมืองโพธิสารหลวงนั้นเป็นชาติพันธุ์ใด ?
ตามตำนานของประเทศศรีลังกา ซึ่งท่านฟรังซิสการเย เขียนไว้ในหนังสือการสำรวจแม่น้ำโขงของท่าน ในศตวรรษที่ 19 กล่าวไว้ว่า เมืองสุวรรณโคมคำนั้นปรากฏตัวอยู่ในศตวรรษที่ 5 ของคริสตกาล และตามตำนานน้ำท่วมโลก ซึ่งได้กล่าวถึงพระยาศรีสัตนาคที่ครองเมืองหนองกระแสแสนย่าน ได้นำกำลัง 7 โกฏิ ( 7 พันล้าน) ยกลงมาตามแม่น้ำโขง และเป็นต้นกำเนิดของนาค 15 ตระกูล ในหลวงพระบาง และต่อมาชาวเมืองโพธิสารหลวง (ศรีโคตรตะบอง หรือ โคตรบูร) นั้นเป็นเชื้อขอม

      ตำนานยังบอกว่า เมืองสุวรรณโคมคำนั้น เติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น บ้านเรือนของไพร่พลก็มีถึง 100,000 หลัง

      ครั้งต่อมา เมืองสุวรรณโคมคำมีการประพฤติไม่ซื่อสัตย์ต่อพ่อค้า ซึ่งเป็นพวกนาคชาวหลวงพระบาง ทำให้เกิดการขัดแย้งกัน ชาวหลวงพระบางจึงได้ยกกำลังมาบุกทำลายเมืองสุวรรณโคมคำจนราบ ทำให้ชาวเมืองแตกตื่นอพยพไปทั่วสารทิศ เช่น หนีเข้าอุโมงค์ ไปศรีสัชนาลัย และหลวงพระบาง และได้นำประเพณีไหลเรือไฟไปปฏิบัติด้วย

       ต่อมายังมีเชื้อนาคตระกูลลาวจก คือ ลาวทางภาคเหนือของเชียงราย ได้มาสร้างนครสุวรรณโคมคำขึ้นอีกครั้ง ตามตำนานมีกำแพงเมืองรอบ 4 ด้าน และ แต่ละด้านยาว 3,000 วา ด้วยเหตุนี้ เมืองสุวรรณโคมคำที่สาบสูญไปแล้วจึงได้ชื่อเรียกใหม่ว่า เมืองนาเคนทรนคร หรือ นาคบุรี หรือ เมืองนาคพันทุสิงหนวัตนคร หรือ นครเชียงลาว เนื่องจากว่าชาวลาวภาคเหนือ (นาค) เป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากชื่อต่าง ๆ นั้นแล้ว ในตำนานต่าง ๆ ของชาวลาวภาคเหนือ และมหากาพย์เรื่อง ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ยังได้เรียกไว้อีกชื่อหนึ่งว่า นครเงินยาง หรือ เงินยวง ต่อมาเมื่อพระยาแสนภูได้มาครองเมืองดังกล่าวก็ได้อีกชื่อว่า เชียงแสน (เก่า)
ตระกูลลาวจกได้ครองนครเชียงลาว หรือ นาคบุรี หรือ นครเงินยาง มาตลอด 43 รัชสมัย จนมาถึงสมัยขุนเจือง กษัตริย์ลาวคนแรก ที่รวบรวมเผ่าต่าง ๆ ให้เป็นอาณาจักรเดียวกันอยู่ทางภาคเหนือ เมื่อ ค.ศ. 1096 ขุนเจืองได้ยกกองทัพพิชิตหลวงพระบาง เชียงขวาง และปะกัน (แคว้นแกวจี ของเวียตนาม) จากนั้นก็รวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน โดยเฉพาะรวมตระกูลนาคและตระกูลขอมเข้าด้วยกัน พระองค์จึงถือได้ว่าเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของเหล่าบรรดาเผ่าพันธุ์ต่างๆ ของชาติลาว อาณาจักรของขุนเจืองล่มสลายในรัชสมัยที่ 4 ของกษัตริย์หลวงพระบาง คือในสมัยรัชกาลของขุนกันฮาง ผู้ซึ่งเป็นเหลนโหลนของขุนเจือง หลังจากพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพของขุนลอ ที่ยกทัพมาจากเมืองแถง ( ปัจจุบันคือ เดียนเบียนฟู ของเวียตนาม)

     เมืองสุวรรณโคมคำ อันเป็นชื่อแรกของนครโบราณแห่งนี้ นับว่าได้ผ่านการถูกทำลาย และ สร้างขึ้นใหม่หลายครั้งหลายหน และมีชื่อเรียกต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็เหลือให้เห็นแต่ร่องรอยของเมืองร้างอันน่าสะเทือนใจ
ปัจจุบันนี้ทางแผนกวัฒนธรรม แขวงบ่อแก้ว และ กระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรม ได้มีมาตรการอนุรักษ์และประกาศให้เป็นปูชนียสถานแห่งชาติ เป็นสถานที่อนุรักษ์และหวงห้าม เป็นอุทยานแห่งการศึกษาหาความรู้ แหล่งท่องเที่ยวและผักผ่อนหย่อนใจของนักค้นคว้า นักศึกษา นักอนุรักษ์นิยม และรักษาวัฒนธรรมอันหลากหลาย นั่นก็คือ ธรรมชาติที่สวยงามและปลอดโปร่ง

       ออกไปไม่ไกลจากปูชนียอุทยานแห่งนี้ มีสิ่งดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่มาที่แห่งนี้ คือ บ่อน้ำร้อนคุณภาพดี ต้นไม้ที่หายากหลายชนิด ร่องรอยอดีต สามเหลี่ยมทองคำ ถ้ำคูหา และวิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ ที่หลากหลาย นอกจากนั้นที่พิเศษอีกอย่างคือ เมื่อถึงวันบุญออกพรรษา ก็จะได้ชมการไหลเรือไฟบูชาพญานาค ณ ที่ที่เป็นต้นกำเนิดของประเพณีนี้ และ เมื่อถึงฤดูดอกงิ้วบาน ก็จะได้ร่วมบุญดอกงิ้วอันสนุกสนานรื่นเริงหาที่ใดเปรียบได้เหมือน

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

thank you for  informations, one day I would like to visit Borkeo province , to see an old buddha, it is said that built on the sunannakhomkham era. thanks agains

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Thip.. wrote:

Souvannakhomkham was a king dom before Lanxang, but more than that it was the kingdom that almost forget from the world of heritage. Sucannakhomkham was the kingdom of two side between the Meking river. If anyone could have a chance to go Laos and go to Borkeo province, then go to Souvannakhom kham (they must call the new name on that place because of the time have change) we will see some history around there such as the old temple in the Meking river back, some stupa and some budhha that almost destroy by the time and the river. I never have a chance to go there too. But i used to read and saw all the picture in the book that i read since i was young (i don't remember the name of the writer, but that book named on the front was SUVANNAKHOMKHAM).
And that book was explain about Suvannakhomkham had from two word such as:
1. SUVANNA came from the land of Suvannaphoum= the land of the life
2. KHOMKHAM came from the word of the Khom (the light with the paper that people made to pray for the god of river and the sky) the people of this land will used this khom made by paper and the light it, and pull it up to the sky at a night time. I don't know to explain in English, but i hope enyone could imagine it. And when they light it on the Khom will look like a Kham (gold) and gold colour it was mean the colour of the god or buddha on that time.
Therefore, SUVANNAKHOMKHAM it was mean the land of the Tevada...

Thanks.

P.S: I got this information from the book that i read before, i still remember this infor because i always dream that i would like to go to that place some day, although i don't remember who gave this infor on this book.



Is what Khomkham looks like? These type of lanterns are made of Sa paper. The people of Lanna would float the lanterns during the Loy Kathong and the Yi Peng festivals. Does this tradition exist in Laos?

lantern_5.JPG

 home_005.jpg

480318134_5c7b705882.jpg?v=0



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Anonymous wrote:

 

Thip.. wrote:

Souvannakhomkham was a king dom before Lanxang, but more than that it was the kingdom that almost forget from the world of heritage. Sucannakhomkham was the kingdom of two side between the Meking river. If anyone could have a chance to go Laos and go to Borkeo province, then go to Souvannakhom kham (they must call the new name on that place because of the time have change) we will see some history around there such as the old temple in the Meking river back, some stupa and some budhha that almost destroy by the time and the river. I never have a chance to go there too. But i used to read and saw all the picture in the book that i read since i was young (i don't remember the name of the writer, but that book named on the front was SUVANNAKHOMKHAM).
And that book was explain about Suvannakhomkham had from two word such as:
1. SUVANNA came from the land of Suvannaphoum= the land of the life
2. KHOMKHAM came from the word of the Khom (the light with the paper that people made to pray for the god of river and the sky) the people of this land will used this khom made by paper and the light it, and pull it up to the sky at a night time. I don't know to explain in English, but i hope enyone could imagine it. And when they light it on the Khom will look like a Kham (gold) and gold colour it was mean the colour of the god or buddha on that time.
Therefore, SUVANNAKHOMKHAM it was mean the land of the Tevada...

Thanks.

P.S: I got this information from the book that i read before, i still remember this infor because i always dream that i would like to go to that place some day, although i don't remember who gave this infor on this book.



Is what Khomkham looks like? These type of lanterns are made of Sa paper. The people of Lanna would float the lanterns during the Loy Kathong and the Yi Peng festivals. Does this tradition exist in Laos?

lantern_5.JPG

home_005.jpg

480318134_5c7b705882.jpg?v=0

 




When I was young boy living in Laos about 30 years ago I remember Loy Khatong. I would think this tradition is still being practiced.



__________________
HUGGLAO

Date:
Permalink   

P.S: I got this information from the book that i read before, i still remember this infor because i always dream that i would like to go to that place some day, although i don't remember who gave this infor on this book.

BY THIP WROTE.

___________________________________________________

I'M WONDERING IF THE BOOK THAT YOU MENTIONED IS THAI BOOK?

SUVANNAKHOMKHAM IS SITUATED IN LAOS. DO WE HAVE ANY
BOOK IN LAO LANGUAGE?

THANK YOU FOR SAHRING THAI VERSION BUT, JUST CURIOUS IF WE
HAVE ANY FROM OUR OWN SOURCE. IT SOUNDS WONDERFUL AND
DRAMATISTIC. I NEVER KNOW THAT IT IS EXISTED.
I WANT TO SEE SUVANNAKHOMKHAM LOVE ANCIENT CITY.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

I remember I have read this story in a Lao tourism magazine that print in Thai language but I just forgot the name of the magazine. The story is about Souvannakhomkham kingdom on the Mekong river in northwestern Laos. I would search for that magazine when I have time.

__________________
Thip...

Date:
Permalink   

HUGGLAO wrote:
___________________________________________________

I'M WONDERING IF THE BOOK THAT YOU MENTIONED IS THAI BOOK?

SUVANNAKHOMKHAM IS SITUATED IN LAOS. DO WE HAVE ANY
BOOK IN LAO LANGUAGE?

THANK YOU FOR SAHRING THAI VERSION BUT, JUST CURIOUS IF WE
HAVE ANY FROM OUR OWN SOURCE. IT SOUNDS WONDERFUL AND
DRAMATISTIC. I NEVER KNOW THAT IT IS EXISTED.
I WANT TO SEE SUVANNAKHOMKHAM LOVE ANCIENT CITY.

The book that i read since that time was printed in Lao language, and sell in the morning market. It wasn't a thick book, just the thin small once. It didn't cost a lot of money since that time (1995). However, try to ask the seller about the book of Souvannakhom kham story from them i hope they could have some for you. Other wise, i am so sorry agian that i couldn't remember the name of a writer. Thanks and best you have a good luck.

Thip...

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

http://www.culturalprofiles.net/laos/Units/477.html

Souvannakhomkham Ancient City

Ban Donthat, Muang Tonpheung, Khoueng Bokeo, Laos

Located on the banks of the Mekong River close to the Thai and Myanmar borders in the middle of the so-called 'Golden Triangle', this important 10,000-hectare site comprises a total of 44 vestiges of the ancient city of Nakhon Souvannakhomkham, including temples, stupas, water reservoirs and the remains of one of the largest Buddha images in South East Asia. The city is believed originally to have been established during the first millennium CE, possibly by the Mon, although much of the present remains are vestiges of the 16th century city which was established on the earlier site by King Sai Setthathirat (1550-1571) of Lane Xang. Regrettably the site has been extensively looted, and many of the remaining vestiges destroyed.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Anonymous wrote:

http://www.culturalprofiles.net/laos/Units/477.html

Souvannakhomkham Ancient City

Ban Donthat, Muang Tonpheung, Khoueng Bokeo, Laos

Located on the banks of the Mekong River close to the Thai and Myanmar borders in the middle of the so-called 'Golden Triangle', this important 10,000-hectare site comprises a total of 44 vestiges of the ancient city of Nakhon Souvannakhomkham, including temples, stupas, water reservoirs and the remains of one of the largest Buddha images in South East Asia. The city is believed originally to have been established during the first millennium CE, possibly by the Mon, although much of the present remains are vestiges of the 16th century city which was established on the earlier site by King Sai Setthathirat (1550-1571) of Lane Xang. Regrettably the site has been extensively looted, and many of the remaining vestiges destroyed.




 Thanks for sharing Lao Culturalprofiles. As you can see there is not much
information about this old ancient City as Thai Web. I feel that we know so
little about our Country History. We have many good thing in Laos that should
be promote not just for the Tourist, it is for our local people as well. Instead
the other our Neighbour Country have all the information about how great
and wonderful site in Laos should be seen. They are making money out of
Tour in Laos. Ministry of Tourist who's in chanrge won't you do somthing?



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

Anonymous wrote:

 

Thip.. wrote:

Souvannakhomkham was a king dom before Lanxang, but more than that it was the kingdom that almost forget from the world of heritage. Sucannakhomkham was the kingdom of two side between the Meking river. If anyone could have a chance to go Laos and go to Borkeo province, then go to Souvannakhom kham (they must call the new name on that place because of the time have change) we will see some history around there such as the old temple in the Meking river back, some stupa and some budhha that almost destroy by the time and the river. I never have a chance to go there too. But i used to read and saw all the picture in the book that i read since i was young (i don't remember the name of the writer, but that book named on the front was SUVANNAKHOMKHAM).
And that book was explain about Suvannakhomkham had from two word such as:
1. SUVANNA came from the land of Suvannaphoum= the land of the life
2. KHOMKHAM came from the word of the Khom (the light with the paper that people made to pray for the god of river and the sky) the people of this land will used this khom made by paper and the light it, and pull it up to the sky at a night time. I don't know to explain in English, but i hope enyone could imagine it. And when they light it on the Khom will look like a Kham (gold) and gold colour it was mean the colour of the god or buddha on that time.
Therefore, SUVANNAKHOMKHAM it was mean the land of the Tevada...

Thanks.

P.S: I got this information from the book that i read before, i still remember this infor because i always dream that i would like to go to that place some day, although i don't remember who gave this infor on this book.



Is what Khomkham looks like? These type of lanterns are made of Sa paper. The people of Lanna would float the lanterns during the Loy Kathong and the Yi Peng festivals. Does this tradition exist in Laos?

lantern_5.JPG

home_005.jpg

480318134_5c7b705882.jpg?v=0

 




this is not sovannakomkham costume

i saw this costume on this picture its a new style NOT Traditional

by the way the style of "Phea Bieng" is 100% lao.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink   

สุวรรณโคมคำ  

ลาวจับมือไทยดัน 'สุวรรณโคมคำ' ขึ้นมรดกโลก

http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/07/E8056013/E8056013.html
 
date.gif

สุวรรณโคมคำ โบราณสถาณแห่งชาติลาว ต้นกำเนิดประเพณีการไหลเรือไฟบูชาพญานาค

http://www.oknation.net/blog/keepitup/2009/02/06/entry-1

date.gif

โบราณสถานแห่งชาติลาว

http://www.discoverylaos.com/index.php?option=suwan-khom-kham


date.gifdate.gifdate.gifdate.gifdate.gif



__________________
Page 1 of 1  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard